ชื่อ : ถั่วพู
ชื่อสามัญ : Winged bean
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Prosphocarpvs tetragonolobus (L.) DC
วงศ์ : PAPILIONEAE
คุณค่าทางอาหารของถั่วพู
ถั่วพู มีคุณค่าทางอาหารสูงมากพอ ๆ กับถั่วเหลืองมีโปรตีนที่ชื่อ Lectins สูง ทั้งยังมีสารเริ่มต้นวิตามินเอ หรือที่เรียกว่า โทโคเฟอรัล สารนี้ช่วยย่อยกรดไขมันอิ่มตัว และมีวิตามินเอ ในปริมาณสูงมาก อีกทั้งฟอสฟอรัสและวิตามินซีที่จะได้รับเต็ม ๆ หากกินถั่วพูสด ๆ
ลักษณะทั่วไปของถั่วพู
ดอกถั่วพูนั้น มีสีขาวอมม่วงสวยน่ามอง ถ้าได้ลองปลูกในบ้าน ก็จะได้ทั้งอาหารผักและอาหารตาไว้เชยชม ใบถั่วพูนั้นเป็นใบย่อยสามใบรูปร่างเหมือนไข่ ผลเป็นฝักแบนมีปีก 4 ปีก เล็ก ๆ ฝักยาวประมาณ 3-6 นิ้ว เมล็ดกลมเรียบเป็นมัน รากเป็นหัวอยู่ใต้ดินมีปม
การปลูกและดูแลรักษาถั่วพู
หากอยากปลูกถั่วพูไว้ดูทั้งดอกและเป็นผักสวนครัวก็ง่ายแสนง่าย แค่มีเมล็ดพันธุ์ และอาจมีรั้วระแนงหรือรั้วไม้ไผ่กบที่ว่างเพียงเล็กน้อยพอปักค้างให้เถาถั่วเลื้อยขึ้นปีนป่าย พืชในวงศ์ถั่วมักชอบน้ำมาก ๆ และขึ้นได้ดีในทุกสภาพภูมิอากาศ แต่หากเป็นฤดูฝนที่ฝนชุกก็เป็นที่ชอบอกชอบใจของถั่วพูมากทีเดียว เพียงรดน้ำเช้าเย็นอย่าให้ดินแห้งเกินไป ถั่วพูยังทนทานต่อโรคพืชหลายชนิด และถึงแม้มีหนอนบ้างก็อาจใช้วิธีหยิบออก เพราะปลูกในบ้านเราเอง และคงไม่มีใครปลูกถั่วพูไว้กินเองมาก จนต้องใช้ยาฆ่าแมลง และหากใครเป็นคนกลัวหนอนอย่างหนักจนต้องใช้ยาฆ่าแมลงจริงๆ ตอนนี้ก็มียาประเภทสารสกัดจากธรรมชาติอย่างเช่น สารสกัดจากสะเดา คนนี้คนเขียนก็ใช้อยู่ ได้ผลดีทีเดียว แต่มีคนแอบนินทาว่าสะเดาแบบที่ทำยากำจัดแมลงออกจะมีกลิ่นฉุนมากไป
ประโยชน์ของถั่วพู
คุณค่าสมุนไพรของถั่วพูมีมากเหมือนคุณค่าทางอาหารโดยมีส่วนที่ใช้เป็นยา คือ หัว และราก ส่วนหัวใช้บำรุงกำลัง แก้อ่อนเพลีย ทำให้รู้สึกปลอดโปร่ง แก้ร้อนในกระหายน้ำ วิธีใช้โดยนำมาตากแห้ง หั่นแล้วคั่วไฟให้เหลือง ชงดื่ม เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการอ่อนเพลีย ใบยอดอ่อนและเมล็ดมีโปรตีนสูง ซึ่งช่วยย่อยไขมันอิ่มตัว ส่วนรากใช้รักษาอาการปวดมวนท้อง รักษาโรคลมพิษกำเริบ
เมนูยำถั่วพู
ส่วนผสม
ถั่วพู | 30 ฝัก |
เนื้อหมูสันใน (ดิบ) หรือ เนื้อหมูต้มฉีก | 1 ถ้วยตวง |
กุ้งแชบ๊วย (ดิบ) หรือ กุ้งแชบ๊วย (ผ่าซีก) | 15 ตัว |
หัวกะทิเคี่ยว | 1/3 ถ้วยตวง + 1 ช้อนโต๊ะ |
น้ำกะทิคั้น | 1/2 ถ้วยตวง |
มะพร้าวขูด | 2 1/2 ถ้วยตวง |
น้ำ | 1/4 ถ้วยตวง |
มะพร้าวขูด คั่ว | 3 1/3 ช้อนโต๊ะ |
หอมแดงเจียว | 4 ช้อนโต๊ะ |
หอมแดงซอย | 1/3 ถ้วยตวง + 2 ช้อนชา |
น้ำมันพืช (ถั่วเหลือง) | 1 1/2 ช้อนโต๊ะ |
ถั่วลิสงคั่วโขลกหยาบๆ | 3 ช้อนโต๊ะ |
พริกแห้งแกะเม็ด | 4 เม็ด |
หัวหอมแดง | 4 1/2 หัว |
กระเทียม | 4 1/2 หัว |
น้ำมะนาว | 3 ช้อนโต๊ะ |
น้ำปลา | 3 ช้อนโต๊ะ |
น้ำตาลทราย | 3 ช้อนโต๊ะ |
วิธีทำ
- คั้นมะพร้าว ด้วยน้ำต้มสุก (อุ่น) เพื่อให้ได้กะทิที่เข้มข้น นำหัวกะทิไปตั้งไฟอ่อน เคี่ยว 2 นาที คนอย่าให้เป็นก้อน
แล้วนำกะทิที่เคี่ยวแล้ว แบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนที่ 1 (ประมาณ 1/4 ถ้วยตวง) ใช้สำหรับผสมน้ำยำ ส่วนที่ 2
(1 1/2 ช้อนโต๊ะ) ใช้สำหรับตักราดหน้า - เนื้อหมูสันใน นำไปต้ม 15 นาที นำมาฉีกเป็นเส้นๆ
- นำน้ำที่ต้มหมูไปต้มกุ้งแชบ๊วย (ใช้เวลา 3 นาที จากน้ำเดือด) แกะเอาแต่เนื้อส่วนที่กินได้ ผ่าซีกกลางตัว เพื่อ
เอาขี้กลางหลังออก - ล้างถั่วพูให้สะอาดตัดหัวตัดท้ายซอยเฉียงยาวๆ หนาประมาณ 1 มิลลิเมตร ลวกในน้ำเดือดประมาณ 3 นาที
ตักขึ้นแช่ในน้ำธรรมดา เพื่อให้ผักสีสวยไม่คล้ำรีบนำขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำ - นำส่วนผสมน้ำยำคือพริกแห้งแกะเม็ดออกคั่ว โขลกละเอียด ตามด้วยหอมแดงกระเทียมเผา โขลกละเอียดใส่
ภาชนะผสมรวมกัน ใส่หัวกะทิ ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลทราย น้ำมะนาว คนให้ละลายเข้ากัน - ผสมถั่วพู เนื้อหมู ฉีกเป็นเส้น กุ้งผ่าซีก ปรุงด้วยน้ำยำผสมให้เข้ากันเคล้าเบาๆ เพื่อไม่ให้ถั่วพูช้ำ เนื้อหมูและกุ้ง
ไม่เละ ใส่ถั่วลิสงคั่ว มะพร้าวคั่ว คลุกให้เข้ากัน - ตักใส่จานที่รองด้วยผักกาดหอม เพื่อให้ดูน่ารับประทาน ราดหน้าด้วยหัวกะทิเคี่ยวแล้วโรยด้วยหอมเจียว